ทิศทางของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12
1 . กรอบแนวคิดและหลักการ
ในช่วงของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560-2564) ประเทศไทยจะ
ยังคงประสบสภาวะแวดล้อมและบริบทของการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงทั้งจากภายใน
และภายนอกประเทศ อาทิ กระแสการเปิดเศรษฐกิจเสรี ความท้าทายของเทคโนโลยีใหม่ๆ การเข้าสู่สังคม
ผู้สูงอายุ การเกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรง ประกอบกับสภาวการณ์ด้านต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากร
ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศในปัจจุบันที่ยังคงประสบปัญหาในหลายด้าน เช่น ปัญหาผลิตภาพการผลิต
ความสามารถในการแข่งขัน คุณภาพการศึกษา ความเหลื่อมล้้าทางสังคม เป็นต้น ท้าให้การพัฒนาในช่วง
แผนพัฒนาฯ ยังคงประสบสภาวะแวดล้อมและบริบทของการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ อาทิ กระแสการเปิดเศรษฐกิจเสรี ความท้าทายของเทคโนโลยีใหม่ๆ การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ การเกิดภัยธรรมชาติที่รุนแรง ประกอบกับสภาวการณ์ด้านต่างๆ ทั้งเศรษฐกิจ สังคม ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของประเทศในปัจจุบันที่ยังคงประสบปัญหาในหลายด้าน เช่น ปัญหาผลิตภาพการผลิต
ความสามารถในการแข่งขัน คุณภาพการศึกษา ความเหลื่อมล้้าทางสังคม เป็นต้น ท้าให้การพัฒนาในช่วง
แผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 จึงจำเป็นต้องยึดกรอบแนวคิดและหลักการในการวางแผนที่สำคัญ ดังนี้ (1) การน้อมน้าและประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (2) คนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาอย่างมีส่วนร่วม (3)การสนับสนุนและส่งเสริมแนวคิดการปฏิรูปประเทศ และ (4) การพัฒนาสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน สังคมอยู่
ร่วมกันอย่างมีความสุขร่วมกันอย่างมีความสุข
ขับเคลื่อนแผน 12 ฉบับเต็ม
อ่านต่อ HTTP://WWW.SUKHOTHAI.GO.TH/MAINREDCROSS/7I.PDF
กรอบทิศทางแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 พ.ศ. 2560-2564
1.ประชาชนสุขภาพดี คือ ประชาชนมีอายุคาดเฉลี่ยเมื่อแรกเกิดไม่น้อยกว่า 87 ปี และอายุคาดเฉลี่ยของการมีสุขภาพดีเมื่อแรกเกิด ไม่น้อยกว่า 75 ปี2.เจ้าหน้าที่มีความสุข คือ บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขได้รับการพัฒนาความก้าวหน้าในวิชาชีพและมีความสุขในการทำงาน3.ระบบสุขภาพยั่งยืน คือ ประชาชนมีระบบสุขภาพเป็นหนึ่งเดียว แบบองค์รวม ไร้รอยต่อ เป็นธรรม และมั่นคงทางสุขภาพ มุ่งพัฒนาสู่ “สังคมอยู่ร่วมอย่างมีความสุข สร้างความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” เป็นประเทศพัฒนาแล้ว
นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญด้านเครือข่ายสุขภาพอำเภอ (นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญด้านเครือข่ายสุขภาพอำเภอ (DISTRICT HEALTH SYSTEM: DHS) เพื่อผลักดันนโยบายสำคัญของรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติในระดับพื้นที่อย่าง เป็นรูปธรรม และยั่งยืน โดยผ่านกลไกเครือข่ายสุขภาพอำเภอ รวมทั้งเร่งดำเนินการเพิ่มศักยภาพในชุมชน พัฒนาอาสาสมัครสุขภาพครอบครัว เพื่อให้ครอบครัวได้รับการดูแล ป้องกัน ส่งเสริมสุขภาพได้
ทั้งนี้กำหนดแผนเป็นทั้งนี้กำหนดแผนเป็น 4 ระยะ ดังนี้ระยะที่ 1 คือการปฏิรูประบบสุขภาพ
ระยะที่ระยะที่ 2 เป็นการสร้างความเข้มแข็ง
ระยะที่ระยะที่ 3 ดำเนินการให้เกิดความยั่งยืน
และระยะที่และระยะที่ 4 เมื่อสิ้นแผนในปี 2579 ประเทศไทยจะเป็นผู้นำด้านการแพทย์และสาธารณสุข 1 ใน 3 ของเอเชีย
โดยการพัฒนาความเป็นเลิศในโดยการพัฒนาความเป็นเลิศใน 4 ด้านคือ1.การส่งเสริมสุขภาพและการป้องกันโรค (P&P EXCELLENCE) คือ บูรณาการกระทวงต่างๆ ดูแลผู้สูงอายุและเด็ก ลดการบาดเจ็บจากการจราจร ลดกลุ่มเสี่ยงโรคเรื้อรัง มะเ
ร็ง โครงการร็ง โครงการ 3 ล้าน 3 ปี เลิกบุหรี่ทั่วไทย เทิดไท้องค์ราชัน2.ระบบบริการ (SERVICE EXCELLENCE) คือ จัดแพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว 6,500 คน ภายใน 10 ปี ดูแลคนไทย 65 ล้านคน และภายในปี 2560 คนไทย 1 ล้านครอบครัวจะมีแพทย์เวชศาสตร์ดูแล จัดระบบผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงในพื้นที่ตำบล (LONG TERM CARE) ทั่วประเทศ จัดระบบการแพทย์ฉุกเฉิน มีแพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน 1,000 คนในโรงพยาบาลใหญ่ทั่วประเทศ และจัดระบบการแพทย์ฉุกเฉิน (EMCO) และศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ3.การพัฒนา
คนคน (PEOPLE EXCELLENCE) คือ การแก้ปัญหาการขาดแคลนพยาบาล วางแผนอัตรากำลังคน ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยในแต่ละภูมิภาคเพื่อพัฒนาบุคลากร ปรับระบบค่าตอบแทนบุคลากรสาธารณสุข4.ระบบบริหารจัดการ (GOVERNANCE EXCELLENCE) ได้แก่ คือ อภิบาลระบบสาธารณสุข สร้างต้นแบบองค์กรคุณธรรม สร้างความมั่นคงด้านยาและเวชภัณฑ์ โดยเน้นการใช้ยาอย่างสมเหตุผลและพัฒนาสมุนไพร จัดระบบการเงินการคลังสาธารณสุข เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ด้านสิทธิประโยชน์และการบริหารจัดการระหว่าง 3 กองทุน และจัดระบบข้อมูลและเทคโนโลยีสารสนเทศ จัดตั้งสำนักงานมาตรฐานและการจัดการสารสนเทศระบบบริการสุขภาพแห่งชาติ (NATIONAL DATA CLEARING HOUSE)
การนำเสนอ “ร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 โดย ดร.ปรเมธี วิมลศิริ เลขาธิการฯ สศช
เตรียมใช้แผนพัฒนาเศรษฐกิจฉบับที่ 12
อ่านต่อ HTTP://WWW.PHO.IN.TH/
“ทิศท า งกา รพัฒนาป ร ะเทศในช่ว งแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12
(พ .ศ . 2560(พ .ศ . 2560 – 2564)”
1. ข้อเท็จจริง 1.1 สศช. ได้จัดการประชุมประจ าปี 2558 เรื่อง “ทิศทางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560ฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 – 2564)” เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2558 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค
เมืองทองธานี จ.นนทบุรี เพื่อน าความเห็นที่ได้รับจากการประชุมประจ าปีไปใช้ประโยชน์ในการปรับปรุง
ทิศทางและยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 ให้มีความชัดเจน เป็นที่ยอมรับ และ
สามารถน าไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมโดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธี
เปิดการประชุม และมีผู้เข้าร่วมการประชุมประกอบด้วย ผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรพัฒนาเอกชน
นักวิชาการ ผู้น าภาคประชาสังคมและผู้น าชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไป
ที่ให้ความสนใจ รวมทั้งสิ้นประมาณ 3เมืองทองธานี จ.นนทบุรี เพื่อน าความเห็นที่ได้รับจากการประชุมประจ าปีไปใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงทิศทางและยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 ให้มีความชัดเจน เป็นที่ยอมรับ และสามารถน าไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมโดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม และมีผู้เข้าร่วมการประชุมประกอบด้วย ผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรพัฒนาเอกชนนักวิชาการ ผู้น าภาคประชาสังคมและผู้น าชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไปที่ให้ความสนใจ รวมทั้งสิ้นประมาณ 3,200 คน1.2 การประชุมแบ่งเป็น 2 ช่วง ในภาคเช้า เริ่มต้นเวลา 9.00 น. โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวรายงานจากนั้นเป็นการเปิดการประชุมและแสดงปาฐกถาพิเศษโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจากนั้นเป็นการประชุมระดมความคิดเห็นเรื่อง “ทิศทางการพัฒนาประเทศในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12”โดยมี นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ประธานกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธานด าเนินรายการ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นผู้ด าเนินรายการ สำหรับการประชุมภาคบ่าย เป็นการระดมความคิดเห็น แบ่งเป็น 7 กลุ่มย่อยตามแนวทางการพัฒนาสำคัญ ดังนี้กลุ่มที่ 1 : ศักยภาพการแข่งขันเพื่อมุ่งสู่การเป็นประเทศรายได้สูงกลุ่มที่ 2 : การลงทุนเพื่ออนาคตของประเทศไทยกลุ่มที่ 3 : คนไทยกับสังคมสูงวัยที่มีคุณภาพกลุ่มที่ 4 : การพัฒนาพื้นที่ ภาค และการเชื่อมโยงภูมิภาคกลุ่มที่ 5 : การพัฒนาการเกษตรไทยสู่ความเป็นเลิศด้านอาหารของโลกภายใต้บริบทที่เปลี่ยนแปลงกลุ่มที่ 6 : การเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนกลุ่มที่ 7 : การบริหารงานภาครัฐของประชาชนเพื่อประชาชน1.3 การประชุมในครั้งนี้ สศช. ได้จัดทำแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมประชุม เรื่องทิศทางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ผลการสำรวจพบว่า
การพัฒนาแผนงาน
แผน 12 สภาพัฒน์อ่าน
แผนพัฒนาฉบับที่ฯ 12 กับความท้าทายทางเศรษฐกิจและสังคม
ประเทศไทยประกาศใช้ แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ฉบับแรกในปี 2504 ในสมัยที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นนายกรัฐมนตรี การออกแบบแผนพัฒนาฯ ฉบับแรก ได้รับการช่วยเหลืออย่างใกล้ชิดจากธนาคารโลก(WORLD BANK) แผนพัฒนาฯในช่วงต้นเน้นไปที่การก่อสร้างสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ ทั้งเขื่อน ถนน และทางรถไฟ ก่อนที่ในแผนต่อๆมาจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาทางด้านสังคม ทรัพยากรมนุษย์ และการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงไปสู่การปฏิบัติ ถึงปัจจุบันประเทศไทยมีแผนพัฒนาฯแล้ว11 ฉบับ รวมระยะเวลากว่า 44 ปี
ในเดือน ก.ย. 2559 จะสิ้นสุดระยะเวลาในการใช้แผนพัฒนาฯฉบับที่ 11 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบหลัก กำลังอยู่ในช่วงการจัดทำแผนพัฒนาฯฉบับที่ 12 สำหรับขับเคลื่อนประเทศระหว่างปี 2560 – 2564 ซึ่งกระบวนการทั้งหมดทั้งการรับฟังความคิดเห็น การปรับปรุงร่างและการนำเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย น่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. ปีหน้าความพิเศษของแผนฉบับที่ 12 ก็คือเป็นแผนที่จะเชื่อมโยงแผนยุทธศาสตร์ชาติ ทั้งจากสมาชิกสภาปฏิรูป(สปช.) และแผนยุทธศาสตร์ประเทศไทยในระยะ 20 ปีของรัฐบาลมาอยู่ในแผนด้วย โดยแผนพัฒนาฯจะทำหน้าที่เป็นแผนเชิงปฏิบัติการ (OPERATING PLAN) ของยุทธศาสตร์ชาติช่วยเสริมให้ประเทศพัฒนาไปทีละขั้นตอนสู่เป้าหมายตามที่ยุทธศาสตร์กำหนดไว้
หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแผนพัฒนาฯฉบับที่12 จะเป็นแผนฉบับแรก ที่มีการนำแผนเข้าสู่ขั้นตอนการรับรองของรัฐสภา เพื่อให้มีผลทางกฎหมายตามที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำหนด ว่ารัฐบาลมีหน้าที่ต้องบริหารประเทศ ตามข้อกำหนดของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งต่างจากเดิมที่รัฐบาลต้องสนองตอบต่อนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชน จนละเลยไม่หยิบแผนพัฒนาฯ ขึ้นมาดำเนินการให้เป็นรูปธรรมเท่าที่ควร
ในเดือน ก.ย. 2559 จะสิ้นสุดระยะเวลาในการใช้แผนพัฒนาฯฉบับที่ 11 สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)ในฐานะหน่วยงานรับผิดชอบหลัก กำลังอยู่ในช่วงการจัดทำแผนพัฒนาฯฉบับที่ 12 สำหรับขับเคลื่อนประเทศระหว่างปี 2560 – 2564 ซึ่งกระบวนการทั้งหมดทั้งการรับฟังความคิดเห็น การปรับปรุงร่างและการนำเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย น่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. ปีหน้าความพิเศษของแผนฉบับที่ 12 ก็คือเป็นแผนที่จะเชื่อมโยงแผนยุทธศาสตร์ชาติ ทั้งจากสมาชิกสภาปฏิรูป(สปช.) และแผนยุทธศาสตร์ประเทศไทยในระยะ 20 ปีของรัฐบาลมาอยู่ในแผนด้วย โดยแผนพัฒนาฯจะทำหน้าที่เป็นแผนเชิงปฏิบัติการ (OPERATING PLAN) ของยุทธศาสตร์ชาติช่วยเสริมให้ประเทศพัฒนาไปทีละขั้นตอนสู่เป้าหมายตามที่ยุทธศาสตร์กำหนดไว้หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแผนพัฒนาฯฉบับที่12 จะเป็นแผนฉบับแรก ที่มีการนำแผนเข้าสู่ขั้นตอนการรับรองของรัฐสภา เพื่อให้มีผลทางกฎหมายตามที่รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันกำหนด ว่ารัฐบาลมีหน้าที่ต้องบริหารประเทศ ตามข้อกำหนดของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งต่างจากเดิมที่รัฐบาลต้องสนองตอบต่อนโยบายที่หาเสียงไว้กับประชาชน จนละเลยไม่หยิบแผนพัฒนาฯ ขึ้นมาดำเนินการให้เป็นรูปธรรมเท่าที่ควร
ทิศทางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12
อ่านต่อ HTTP://WWW.BANGKOKBIZNEWS.COM/BLOG/DETAIL/635090
เนื่องจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 11 จะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายน 2559 สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ จึงขอสรุปทิศทางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 จากเอกสาร เรื่อง“ทิศทางของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12” และเอกสารประกอบการประชุมประจำปี 2558ซึ่งจัดทำโดย สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ดังนี้1. กรอบวิสัยทัศน์และเป้าหมายมุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านประเทศไทยจากประเทศที่มีรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูง มีความมั่นคง และยั่งยืนสังคมอยู่ร่วมกันอย่างมี ความสุข และนำไปสู่การบรรลุวิสัยทัศน์ระยะยาว “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ของประเทศ2. ตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ของประเทศ (COUNTRY STRATEGIC POSITIONING) ประเทศไทยเป็นประเทศรายได้สูงที่มีการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรมเป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ของภูมิภาคสู่ความเป็นชาติการค้าและบริการ(TRADING AND SERVICE NATION) เป็นแหล่งผลิตสินค้าเกษตรอินทรีย์และเกษตรปลอดภัย แหล่งอุตสาหกรรมสร้างสรรค์และมีนวัตกรรมสูงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม3. เป้าหมายการพัฒนา
ประกอบด้วยเป้าหมายเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพดังนี้ประกอบด้วยเป้าหมายเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพดังนี้ 3.1 การหลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลางสู่รายได้สูง
โดยเศรษฐกิจขยายตัวเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าร้อยละ โดยเศรษฐกิจขยายตัวเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 ต่อปี
ผลิตภาพการผลิตเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าเฉลี่ยร้อยละ ผลิตภาพการผลิตเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าเฉลี่ยร้อยละ 2.5 ต่อปี
การลงทุนรวมขยายตัวไม่ต่ำกว่าเฉลี่ยร้อยละ การลงทุนรวมขยายตัวไม่ต่ำกว่าเฉลี่ยร้อยละ 8 3.2 การพัฒนาศักยภาพคนให้สนับสนุนการเจริญเติบโตของประเทศและการสร้าง
สังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพสังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ 3.3 การลดความเหลื่อมล้ำในสังคม
การกระจายรายได้มีความเท่าเทียมกันมากขึ้น บริการทางสังคมมีคุณภาพและมีการกระจายอย่างทั่วถึงการกระจายรายได้มีความเท่าเทียมกันมากขึ้น บริการทางสังคมมีคุณภาพและมีการกระจายอย่างทั่วถึง 3.4 การสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
รักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร สร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์
ขับเคลื่อนประเทศสู่เศรษฐกิจและสังคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
เพิ่มขีดความสามารถในการรับมือภัยพิบัติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
เพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
มีการบริหารจัดการน้ำให้สมดุลรักษาความมั่นคงของฐานทรัพยากร สร้างสมดุลระหว่างการอนุรักษ์และการใช้ประโยชน์ขับเคลื่อนประเทศสู่เศรษฐกิจและสังคมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มขีดความสามารถในการรับมือภัยพิบัติและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมมีการบริหารจัดการน้ำให้สมดุล 3.5 การบริหารราชการแผ่นดินที่มีประสิทธิภาพ4. แนวทางการพัฒนา 4.1 การยกระดับศักยภาพการแข่งขันและการหลุดพ้นกับดักรายได้ปานกลางสู่รายได้สูง
โดยการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา พัฒนาสภาวะแวดล้อมของการพัฒนาวิทยาศาสตร์
เทคโนโลยี วิจัย และนวัตกรรม
ผลักดันให้ผู้ประกอบการมีบทบาทหลักด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม
สนับสนุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนใน โดยการส่งเสริมการวิจัยและพัฒนา พัฒนาสภาวะแวดล้อมของการพัฒนาวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี วิจัย และนวัตกรรมผลักดันให้ผู้ประกอบการมีบทบาทหลักด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม สนับสนุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนใน R&D CENTER ตลอดจนผลักดันงานวิจัยให้ใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์และสาธารณะ
ให้ความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา จัดทำ ให้ความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา จัดทำ TECHNOLOGY ROADMAP ส่งเสริมอุตสาหกรรม
CARBON FIBER การพัฒนา
ผลิตภาพแรงงาน
การส่งเสริมผู้ประกอบการที่เข้มแข็งและพาณิชย์ดิจิตอล เร่งลงทุนและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจในประเทศและต่างประเทศทั้งการพัฒนาและปรับปรุงโครงข่ายรถไฟให้เป็นโครงข่ายหลักในการเดินทางและขนส่งของประเทศ 4.2 การพัฒนาศักยภาพคนตามช่วงวัยและการปฏิรูประบบเพื่อสร้างสังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ
การพัฒนาศักยภาพคนในทุกช่วงวัยให้สนับสนุนการเจริญเติบโตของประเทศ
การยกระดับคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ให้มีคุณภาพ เท่าเทียมและทั่วถึง
การพัฒนาด้านสุขภาพ
โดยส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อรองรับการเป็นสังคมผู้สูงอายุการพัฒนาศักยภาพคนในทุกช่วงวัยให้สนับสนุนการเจริญเติบโตของประเทศการยกระดับคุณภาพการศึกษาและการเรียนรู้ให้มีคุณภาพ เท่าเทียมและทั่วถึงการพัฒนาด้านสุขภาพโดยส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรมทางการแพทย์เพื่อรองรับการเป็นสังคมผู้สูงอายุ 4.3 การลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม
โดยยกระดับรายได้และสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพ
การจัดบริการทางสังคมให้ทุกคนตามสิทธิขั้นพื้นฐาน
สร้างความเสมอภาคในการเข้าถึงทรัพยากร การเข้าถึงโดยยกระดับรายได้และสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพการจัดบริการทางสังคมให้ทุกคนตามสิทธิขั้นพื้นฐานสร้างความเสมอภาคในการเข้าถึงทรัพยากร การเข้าถึง 4.4 การรองรับการเชื่อมโยงภูมิภาคและความเป็นเมือง
การลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกของเมือง
การพัฒนาด้านการขนส่งและโลจิสติกส์เชื่อมโยงกับเพื่อนบ้าน ส่งเสริมการลงทุน
การค้าชายแดน และจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกของเมืองการพัฒนาด้านการขนส่งและโลจิสติกส์เชื่อมโยงกับเพื่อนบ้าน ส่งเสริมการลงทุนการค้าชายแดน และจัดตั้งเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ 4.4 การสร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
การรักษาทุนทางธรรมชาติเพื่อการเติบโตสีเขียวใช้ประโยชน์จากทุนธรรมชาติโดยคำนึงถึงขีดจำกัดและศักยภาพการฟื้นตัวปกป้องรักษาทรัพยากรป่าไม้
การส่งเสริมการบริโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างระบบหมุนเวียนวัสดุที่ใช้แล้ว
ที่มีประสิทธิภาพ ขับเคลื่อนสู่ การรักษาทุนทางธรรมชาติเพื่อการเติบโตสีเขียวใช้ประโยชน์จากทุนธรรมชาติโดยคำนึงถึงขีดจำกัดและศักยภาพการฟื้นตัวปกป้องรักษาทรัพยากรป่าไม้การส่งเสริมการบริโภคที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สร้างระบบหมุนเวียนวัสดุที่ใช้แล้วที่มีประสิทธิภาพ ขับเคลื่อนสู่ ZERO WASTE SOCIETY การส่งเสริมการผลิต
การลงทุน และการสร้างงานสีเขียว การจัดการมลพิษและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม
การพัฒนาความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศ
การเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพ
ภูมิอากาศและการบริหารจัดการเพื่อลดความเสี่ยงด้านภัยพิบัติการลงทุน และการสร้างงานสีเขียว การจัดการมลพิษและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมการพัฒนาความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศการเพิ่มขีดความสามารถในการปรับตัวเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการบริหารจัดการเพื่อลดความเสี่ยงด้านภัยพิบัติ 4.5 การบริหารราชการแผ่นดินที่มีประสิทธิภาพ
การสร้างความโปร่งใส การพัฒนาบุคลากรภาครัฐให้มีความเป็นมืออาชีพและเพียงพอ
เพื่อให้ระบบราชการเล็กแต่มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพสูง การพัฒนา อปท. ให้สามารถรับมือการเปลี่ยนแปลง
การสร้างระบบตรวจสอบและประเมินผลที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการติดตาม
ประเมินผลโครงการที่ใช้จ่ายงบประมาณมากและมีผลกระทบในวงกว้าง การสร้างความโปร่งใส การพัฒนาบุคลากรภาครัฐให้มีความเป็นมืออาชีพและเพียงพอเพื่อให้ระบบราชการเล็กแต่มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพสูง การพัฒนา อปท. ให้สามารถรับมือการเปลี่ยนแปลงการสร้างระบบตรวจสอบและประเมินผลที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการติดตามประเมินผลโครงการที่ใช้จ่ายงบประมาณมากและมีผลกระทบในวงกว้าง
10 ยุทธศาสตร์ในร่างแผนพัฒนา ฯ
คำถาม 5 ข้อ เรื่อง ทิศทางของแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 1. กรอบแนวคิดและหลักการในการวางแผนที่สำคัญของแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มีอะไรบ้าง ?
ตอบ = มี 4 อย่าง คือ (1) การน้อมน้าและประยุกต์ใช้หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (2) คนเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาอย่างมีส่วนร่วม (3)การสนับสนุนและส่งเสริมแนวคิดการปฏิรูปประเทศ และ (4) การพัฒนาสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน สังคมอยู่
ร่วมกันอย่างมีความสุขร่วมกันอย่างมีความสุข
2. เป้าหมายการพัฒนา ประกอบด้วยเป้าหมายเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพมีอะไรบ้าง ? ตอบ = มี 5 อย่าง คือ 1 . การหลุดพ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลางสู่รายได้สูง โดยเศรษฐกิจขยายตัวเฉลี่ยไม่ต่ำกว่าร้อยละ 5 ต่อปี ผลิตภาพการผลิตเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่าเฉลี่ยร้อยละ 2.5 ต่อปี การลงทุนรวมขยายตัวไม่ต่ำกว่าเฉลี่ยร้อยละ 8 2 . การพัฒนาศักยภาพคนให้สนับสนุนการเจริญเติบโตของประเทศและการสร้าง สังคมสูงวัยอย่างมีคุณภาพ 3 . การลดความเหลื่อมล้ำในสังคม การกระจายรายได้มีความเท่าเทียมกันมากขึ้น บริการทางสังคมมีคุณภาพและมีการกระจายอย่างทั่วถึง 4 . การสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจและสังคมที่เป็นมิตรกับสิ่ง 5 . การบริหารราชการแผ่นดินที่มีประสิทธิภาพ
3. กรอบวิสัยทัศน์และเป้าหมายของกรอบแนวคิดและหลักการในการวางแผนที่สำคัญของแผนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มีอะไรบ้างตอบ = มุ่งสู่การเปลี่ยนผ่านประเทศไทย จากประเทศที่มีรายได้ปานกลางไปสู่ประเทศที่มีรายได้สูง มีความมั่นคง และยั่งยืน สังคมอยู่ร่วมกันอย่างมี ความสุข และนำไปสู่การบรรลุวิสัยทัศน์ระยะยาว “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” ของประเทศ
4. กรอบทิศทางแผนพัฒนาสุขภาพแห่งชาติ ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 พ.ศ. 2560-2564 ประชาชนสุขภาพดี คืออะไร ?
ตอบ = ประชาชนมีอายุคาดเฉลี่ยเมื่อแรกเกิดไม่น้อยกว่า 87 ปี และอายุคาดเฉลี่ยของการมีสุขภาพดีเมื่อแรกเกิด ไม่น้อยกว่า 75 ปี
5. “ทิศทางการรพัฒนาประเทศในช่ว งแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12(พ .ศ . 2560 – 2564)” ข้อเท็จจริงมีอะไรบ้าง ? ตอบ = 1. สศช. ได้จัดการประชุมประจ าปี 2558 เรื่อง “ทิศทางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 (พ.ศ. 2560 – 2564)” เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2558 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็คเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เพื่อน าความเห็นที่ได้รับจากการประชุมประจ าปีไปใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงทิศทางและยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12 ให้มีความชัดเจน เป็นที่ยอมรับ และสามารถน าไปปฏิบัติได้อย่างเป็นรูปธรรมโดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุม และมีผู้เข้าร่วมการประชุมประกอบด้วย ผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชนำองค์กรพัฒนาเอกชนนักวิชาการ ผู้น าภาคประชาสังคมและผู้น าชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สื่อมวลชน และประชาชนทั่วไปที่ให้ความสนใจ รวมทั้งสิ้นประมาณ 3,200 คน2 . การประชุมแบ่งเป็น 2 ช่วง ในภาคเช้า เริ่มต้นเวลา 9.00 น. โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวรายงานจากนั้นเป็นการเปิดการประชุมและแสดงปาฐกถาพิเศษโดย พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีจากนั้นเป็นการประชุมระดมความคิดเห็นเรื่อง “ทิศทางการพัฒนาประเทศในช่วงแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 12”โดยมี นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ประธานกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นประธานดำเนินรายการ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และเลขาธิการคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นผู้ด าเนินรายการ ส าหรับการประชุมภาคบ่าย เป็นการระดม ความคิดเห็น แบ่งเป็น 7 กลุ่มย่อยตามแนวทางการพัฒนาส าคัญ ดังนี้กลุ่มที่ 1 : ศักยภาพการแข่งขันเพื่อมุ่งสู่การเป็นประเทศรายได้สูงกลุ่มที่ 2 : การลงทุนเพื่ออนาคตของประเทศไทยกลุ่มที่ 3 : คนไทยกับสังคมสูงวัยที่มีคุณภาพกลุ่มที่ 4 : การพัฒนาพื้นที่ ภาค และการเชื่อมโยงภูมิภาคกลุ่มที่ 5 : การพัฒนาการเกษตรไทยสู่ความเป็นเลิศด้านอาหารของโลกภายใต้บริบทที่เปลี่ยนแปลงกลุ่มที่ 6 : การเติบโตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนกลุ่มที่ 7 : การบริหารงานภาครัฐของประชาชนเพื่อประชาชน3 . การประชุมในครั้งนี้ สศช. ได้จัดท าแบบสอบถามความคิดเห็นของผู้เข้าร่วมประชุม เรื่องทิศทางแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น